Blogger นี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนวิชาอินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีอาจารย์เหมราช ธนะปัทม์ เป็นผู้สอน

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554


9 วิธีดูแล สุขภาพในยุคปัจจุบัน



 1. เคลื่อนไหวเสียบ้าง
 ให้หมั่นหาโอกาสที่จะได้เคลื่อนไหวร่างกายบ้าง ทางที่ดีให้เลือกที่จะใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟท์ถ้าจุดหมายที่เราจะไปมันมีไม่กี่ชั้น แถมยังเป็นการช่วยประหยัดไฟได้อีกด้วย ถ้าที่บ้านเลี้ยงสุนัขก็ให้พาสุนัขไปเดินเล่นก็จะเป็นการออกกำลังกายทั้งคนทั้งสุนัข หรือคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยซนก็หมั่นวิ่งเล่นไล่จับกับเด็กๆ เป็นการดีทั้งคุณแม่คุณลูก รวมทั้งกิจกรรมอื่นอย่างโยนลูกบอล หรือกิจกรรมอะไรก็ตามที่ทำให้คุณได้ยืดแข้งยืดขา การเคลื่อนไหวออกกำลังกายไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องไปทำที่ฟิตเนสเท่านั้น(Fitness) แต่การดำเนินชีวิตธรรมดาทั่วไปก็มีโอกาสที่เราจะออกกำลังกายได้เช่นกัน แถมบางกิจกรรมยังเป็นการได้กระชับมิตรอีกด้วยนะจะบอกให้ กิจกรรมที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้นเป็นกิจกรรมที่ไม่มีข้อจำกัดทางด้านเวลา ไม่เหมือนกับการเข้าฟิตเนส ที่จะต้องมีจำกัดเวลาอย่างเช่น ทำท่าลุกนั่ง 45 ครั้ง หรือต้องอยู่ในห้องยิมวันละ 45 นาที หรือการลงคอร์สเรียนแอโรบิคแดนซ์ ลงเรียนมวยไทย การเข้าทำกิจกรรมเป็นคอร์สที่ต้องมีการจำกัดเวลาเช่นนี้ เทียบไม่ได้เลยกับการที่เราจะมีอิสระในการเคลื่อนไหวโดยที่ไม่มีข้อผูกมัดทางด้านเวลา อย่างเช่นหาเวลาเล่นวิ่งไล่จับกับลูกๆ เป็นต้น

  2. มันไม่เกี่ยว
ใครที่ชื่นชอบของทอดมันๆ ก็ควรคิดที่จะลดๆ บ้างได้แล้ว อาหารที่เราก็รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น เฟร้นช์ ฟราย์ทอดร้อนๆ ,แฮมเบอร์เกอร์ และเนื้อติดมัน (จำพวกเนื้อหมู เบคอน แฮม ซาลามี ซี่โครงสัตว์ และไส้กรอกและอาาหารประเภทนมอย่างเนยแข็ง นมสด และครีม ก็ควรที่จะเลือกแบบไขมันต่ำ อาหารประเภทถั่วและแซนด์วิชไส้เนื้อ มายองเนส มาการีน บัตเตอร์ครีมหรือบัตเตอร์ซอสก็ควรที่จะบริโภคแบบจำกัดนิดนึง ไม่ใช่บริโภคเสียจนมากเกินไปแทนที่จะเป็นประโยชน์ก็จะกลับกลายเป็นโทษ แต่ปัจจุบันนี้ผู้คนให้ความใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองมากขึ้น ผู้ผลิตเล็งเห็นถึงจุดนี้จึงได้ผลิตอาหารประเภทดังกล่าวออกมาให้เป็นแบบไขมันต่ำหรือปราศจากไขมัน เช่นครีมบัตเตอร์ไขมันต่ำเนยแข็งปราศจากไขมัน และมายองเนสปราศจากโคเรสโตรอล เป็นต้น ฉะนั้นแล้วเราในฐานะผู้บริโภคก็ควรที่ใส่ใจซักนิดก่อนที่จะซื้อหาอะไรมารับประทาน อะไรที่รับประทานแล้วเกิดประโยชน์กับสุขภาพมากที่สุดก็ให้เลือกหยิบฉวยสิ่งนั้นเลย
  



3. หยุดทำร้ายคนรอบข้างและตัวเองโดยการหยุดสูบ
ตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมา ทีมแพทย์ได้ประกาศออกมาว่าการสูบเป็นอันตรายอย่างมากต่อสุขภาพ ชาวอเมริกันลดผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาสูบที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของชาวอเมริกัน เมื่อไม่นานมานี้การสูบบุหรี่เป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในหมู่วัยรุ่น มีข้อสันนิษฐานกันว่าเป็นเพราะพวกเขาได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์และสื่อต่างๆของฮอลิวูด ซึ่งดูเหมือนว่าการสูบบุหรี่จะมีให้เห็นในสื่อเหล่านี้ค่อนข้างสูง กลายเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับตัวละคร ใครที่สูบบุหรี่อยู่ก็ให้เห็นแก่เด็กๆ หรือคนที่คุณรัก พยายามลดละเลิกเสียให้ได้ตั้งแต่วันนี้ และระมัดระวังในการเลือกสื่อให้แก่บุตรหลานก็จะเป็นวิธีเบื้องต้นในการป้องกันพวกเขาให้ห่างไกลจากสิ่งที่เรียกว่า “บุหรี่” ได้บ้างไม่มากก็น้อย

  
4. ลดความเครียด 
จริงคำพูดที่ว่า “พยายามอย่าเครียด” มันก็พูดง่ายทำยาก ใครที่ไม่ได้ประสบพบเจอกับความเครียดก็คงไม่รู้และไม่เข้าใจหรอกว่ามันเป็นอย่างไร ความเครียมันก็มีหลายรูปแบบ เวลาเกิดความเครียดขึ้นมาก็มีบางคนพูดว่าให้คิดในแง่บวกไว้ก่อน บ้างก็แนะนำให้ใช้เวลาซัก 30 นาทีต่อวันทำในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ เช่นอาบน้ำด้วยครีมอาบน้ำยี่ห้อที่เราชื่นชอบ กลิ่นที่เราโปรดปรานมากๆ หรือบ้านใครอยู่ใกล้ทะเลสวยใสก็ลงไปเดินเล่นริมหาด อ่านหนังสือเล่มโปรด เยี่ยมเยียนเพื่อนเล่นกับน้องหมาสุดที่รัก ฟังเพลงจังหวะผ่อนคลาย ดูหนังตลก หรือไม่ก็ไปทำผมให้ดูดีขึ้นกว่าเก่า ไปเข้าคอร์สนวดหน้านวดตัว 
และบางครั้งก็ให้ลองมองย้อนไปในครั้งที่เรายังไม่เจอความเครียด เลือกนึกถึงตอนที่เรายังอยู่ในอารมณ์ที่ดีหรือเจอเหตุการณ์ดีๆ ช่วงที่เราเครียด ให้เราอยู่ห่างจากบุคคลที่น่าเบื่อหน่ายถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรที่จะอยู่ใกล้บุคคลเหล่านั้นในช่วงเวลาที่เราเองก็อ่อนแอ เพราะเดี๋ยวจะพลอยเครียดหนักยิ่งกว่าเดิม อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้อารมณ์เบิกบานขึ้นมาได้บ้างก็คือนึกถึงวันที่อากาศดี แจ่มใส เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว นึกถึงแสงแดด สายลมอ่อนๆ และเคลิบเคลิ้มไปกับมัน




5. ปกป้องตัวเองจากมลพิษ 
ถ้าคุณไม่สามารถที่จะอยู่ในสถานที่ๆ ปลอดมลภาวะได้อย่างแท้จริงแล้วล่ะก็ อย่างน้อยก็ให้หลีกเลี่ยงบริเวณเหล่านี้ได้ก็ยังดี เช่นห้องที่เต็มไปด้วยควันบุหรี่ พื้นที่ๆ มีการจราจรติดขัด พื้นที่สำหรับคนสูบุหรี่ และการออกกำลังในสถานที่ๆ มีการสัญจรพลุกพล่าน หากเราต้องการจะออกกำลังกายกลางแจ้งเราก็ต้องเลือกเวลาที่ปริมาณหมอกควันได้เบาบางลงไปแล้ว แต่หากไม่ชอบที่จะออกกำลังกายกลางแจ้งไม่ว่าจะกลัวผิวเสียหรือว่าขี้เกียจเราก็สามารถเลือกที่จะออกกำลังกายในร่มได้ แต่มีข้อแม้ว่าระบบจัดการอากาศภายในจะต้องมีประสิทธิภาพ เครื่องปรับอากาศต้องให้อากาศที่สะอาดจริงๆ ไม่มีไรฝุ่น ควรทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศให้สะอาดโดยเฉพาะตัวกรองฝุ่น จะได้ไม่ต้องอุดอู้อยู่ในห้องแคบๆ อากาศสกปรก 
หากที่บ้านมีพื้นที่รอบบริเวณบ้าน แนะนำว่าควรปลูกพุ่มไม้เตี้ยๆ ให้รอบพื้นที่สวน เพราะพุ่มไม้เหล่านั้นจะช่วยดูดซับมลพิษทางอากาศและความสกปรกที่มาจากฝุ่นละอองตามท้องถนนได้อีกด้วย ปริมาณความสกปรกและฝุ่นก็จะได้เข้าสู่ภายในบ้านน้อยลงกว่าปกติอีกด้วย



6. คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย 
มีสถิติแสดงให้เห็นว่าการคาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับรถหรือโดยสารในอยู่ในรถจะช่วยลดอัตราการบาดเจ็บเวลามีการประทะกันเกิดขึ้น ช่วยต่อลมหายใจให้กับชีวิตขึ้นมาได้อีกหลายเปอร์เซ็นต์

  
7. มาใช้ไหมขัดฟันกันเถอะ 
มีการศึกษาพบว่าการใช้ไหมขัดฟันนั้นมีส่วนช่วยยืดอายุของฟันให้ยืนยาว ไมมีใครทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด อาจเป็นเพราะว่าสารที่เคลือบไว้บนเส้นไหมขัดฟันมีส่วนช่วยทำให้ฟันมีสุขภาพที่แข็งแรงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ใช้ไหมขัดฟัน รู้อย่างนี้แล้วเราก็มาเริ่มต้นใช้ไหมขัดฟันกันเถอะ



8. เลิกเถอะการเป็นนักดื่มจัดจ้าน
การดื่มไวน์วันละหนึ่งแก้ว (หรือสองแก้วสำหรับผู้ชายจะช่วยป้องกันโรคหัวใจ แต่ว่าถ้าหากเกินกว่านี้ประโยชน์ที่ควรจะรับก็จะกลายเป็นโทษไป เช่นโรดตับ โรคไต และโรคมะเร็ง ฉะนั้นจำไว้ว่าไวน์ขวดหนึ่งควรกินให้ได้นานๆ ไม่ใช่กินวันละสามสี่แก้วจนขวดหนึ่งก็ไม่พอละกันนะจ้ะ

  
9. คิดในแง่บวกให้มากขึ้น 
สุขภาพจิตที่ดีส่งผลให้สุขภาพร่างกายพลอยแข็งแรงไปด้วย การมองชีวิตในแง่ดีทำให้มีชีวิตที่เบิกบาน การร้องเพลงหรือยิ้มแย้มอยู่เสมอจะช่วยให้เรามีความสุขขึ้นมาได้

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นางในวรรณคดีไทย

นางในวรรณคดีไทย
































สาระดีๆๆ

เทคนิคการบริหารเวลา
โดย ผศ.จุฬาภรณ์ โสต
"เวลามีค่ายิ่งกว่าทอง ทองใช่ว่าจะซื้อเวลาได้" เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าของทุกคน ยิ่งคนที่รู้คุณค่าของเวลามากเท่าใด ย่อมสามารถเก็บเกี่ยวคุณประโยชน์จากการใช้เวลาให้มีคุณค่าได้มากเพียงนั้น
เทคนิคการบริหาร เวลา จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับผู้ต้องการเรียนรู้การใช้เวลาให้เกิด ประโยชน์อย่างสูง ทำให้สามารถดำเนินภาระกิจต่างๆได้อย่างราบรื่น ง่าย และมีเวลาเพียงพอที่จะบริหารจัดการสิ่งต่างๆให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และยังมีเวลาส่วนตัวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจได้ตามอัธยาศัย
ปัญหาที่ทำให้เกิด การสูญเสียเวลา
มีหลายประการ ควรมีการประเมินผลตัวทำลายเวลาและจัดลำดับความสำคัญ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา ซึ่งปัญหาที่ทำให้สูญเสียเวลา ได้แก่
1. ปัญหาที่เกิดจากขาดการวางแผน ว่าจะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ให้ชัดเจน การใช้เวลาอันยาวนานในการทำงานหรือ แก้ปัญหาใดๆ เป็นเหตุให้ผลตอบแทนของความขยันได้กลับมาลดน้อยลง แม้ว่าขยันแต่งานที่ได้ขาดประสิทธิภาพ
2. ปัญหาที่เกิดจากการผลัดวันประกันพรุ่ง เช่นนอนตื่นสาย ขาดการเตรียมงานวันรุ่งขึ้น อ่านหนังสือพิมพ์ หรือคุยกับเพื่อน หรือดื่มน้ำชากาแฟก่อนทำงาน
3. ปัญหาที่เกิดจากความวุ่นวาย ทำงานโดยไม่ได้จัดลำดับความสำคัญของปัญหา ไม่ไว้วางใจผู้อื่นจึงขาดการมอบหมายงาน ทำงานหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน หรือการสื่อความหมายที่ไม่ถูกต้อง ไม่ชัดเจน ความชักช้า ความไม่คงที่ ยุ่งเหยิง ระบบเอกสารที่ไม่ดี
4. ปัญหาที่เกิดจากการเล่นมากเกินไป ได้แก่ การใช้เวลามากเกินไปแก่ผู้มาเยือน โทรศัพท์นานหรือบ่อยครั้งเกินไป หรือหลบไปซื้อสิ่งของ ดื่มน้ำชากาแฟ หรือทำอะไรที่ไร้สาระ
5. ปัญหาซึ่ง เกิดจากการมีส่วนเข้าร่วมมากเกินไป ได้แก่การเข้าร่วมในการตรวจสอบ ติดตามข้อปลีกย่อยมากเกินไป หรือใช้เวลายาวนานในการแก้ไขปัญหาแต่ละอย่างมากเกินไป
6. ปัญหาซึ่งเกิดจากการทำงานบนกระดาษ เช่น ใช้เวลาในการอ่านหนังสือนานแต่จับประเด็นไม่ได้ บันทึกสิ่งต่างๆ ที่ไร้ประโยชน์
การ บริหารเวลา เป็นการ จัดการสิ่งต่างๆ ในเวลาที่มีอยู่ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่ใช้เวลาน้อยที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ความสำคัญของการ บริหารเวลา
1. มี เวลาเหลือมากขึ้น สำหรับทำกิจกรรมที่น่าพอใจหรือเพื่อหย่อนใจ
2. ทำ ให้พบความสำเร็จที่ต้องการได้มากขึ้นในทุกๆ ด้าน
3. ลด ความเครียดและวิตกกังวล
4. รู้สึก ผิดน้อยลง
หัวใจสำคัญของการ บริหารเวลา
1. เรียนรู้ที่จะจัดลำดับความสำคัญ โดยการเอางานทั้งหลาย มาจัดลำดับความสำคัญแล้วลงมือทำงานที่สำคัญที่สุด
2. เรียนรู้ที่จะมอบหมายงาน โดยพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมทำงานแทนในกิจกรรมต่างๆ และให้ความไว้วางใจกับงานที่เขาทำได้
หลักการเบื้องต้นใน การบริหารเวลา การบริหารเวลาที่ดี นอกจากสามารถทำงานของตนเองให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีแล้ว ยังสามารถทำงานเพื่อผู้อื่นได้ด้วยและยังได้รับความสุขจากการมีเวลาว่างของ ตน
1. การเริ่มต้นที่ดีมี ความสำเร็จเกินกว่าครึ่ง ถ้าการเริ่มต้นของวันใหม่มีความสดชื่นแจ่มใสจึงควรค้นหาสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ สักอย่าง
2. พิจารณาให้แน่นอนว่าอะไรสำคัญที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นปล้นเวลา หรือปล้นสิ่งสำคัญๆในชีวิตไป และจงกล้าที่จะตอบปฏิเสธ เพียงกล่าวว่า "ไม่" สั้นๆ และง่ายๆ
3. ตั้งเป้าหมาย การมีเป้าหมายอาจมีได้หลายเป้าหมาย ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน การเขียนเป้าหมายเหล่านั้นออกมาจะช่วยให้จุดประสงค์ของมันชัดเจนขึ้น และช่วยกำหนดทิศทางการใช้เวลาในแต่ละสัปดาห์ เดือน ปี ทศวรรษ และชั่วชีวิตได้
4. กำหนดเกณฑ์ในการใช้เวลาในการทำกิจกรรมแต่ละอย่างช่น การโทรศัพท์ การคุยกับแขก การรับประทานอาหาร ตลอดจนเรื่องใช้จ่ายต่างๆ ควรกำหนดไว้ล่วงหน้าว่าจะใช้เวลาเท่าไร
5. วางแผนประจำวัน ควรเขียนกิจกรรมต่างๆออกมาอย่างชัดเจน แล้ววางแผนการจัดทำเพื่อให้บรรลุผล โดยจัดลำดับความสำคัญ
6. ใช้ชีวิตอย่างสมดุล ทั้งในการพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ มีเวลาหย่อนใจพอควร เวลาให้กับตนเอง และ การพัฒนาจิตวิญญาณ ตลอดจนเรื่องที่สนใจ
7. จัดลำดับความสำคัญ ของงานให้ชัดเจน โดยพิจารณาว่างานใดเร่งด่วน ที่ต้องดำเนินการโดยด่วน งานใดที่สามารถทำภายหลังได้ ไม่ต้องใช้สมองและเวลามากนัก ก็ทำภายหลังได้
                
8. ลงมือทำงานที่ยากที่สุด เมื่อทำงานที่ยากสำเร็จจะช่วยให้เกิดความโล่งใจ และช่วยให้เกิดความสำเร็จในการทำงาน                  9. มอบหมายงาน โดยพิจารณาว่าใครที่พอจะช่วยได้ เพื่อช่วยให้มีเวลาเพิ่มขึ้น
10. ทำงานให้สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน อย่าทำงานด้วยความยืดยาด
11. ออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า การเดินเป็นการออกกำลังกายที่ประหยัดที่สุดและง่ายที่สุด
12. ตรวจสอบสิ่งที่ทำ ว่ามีความสำคัญหรือจำเป็นเพียงใดหรือเป็นเพียงความเคยชิน สำรวจดูว่าถ้าตัดออกจะช่วยให้มีเวลามากยิ่งขึ้นหรือไม่
13. วางแผนฉลองความสำเร็จ เช่น ถ้างานชิ้นนี้เสร็จแล้วควรจะให้อะไรเป็นรางวัลให้สำหรับตัวเอง ซึ่งอาจเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้เพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจตัวเอง
14. ใช้ความจำช่วยประหยัดเวลาในการทำงานสูงงควรฝึก การจดจำสิ่งต่างๆ
เทคนิคการบริหาร เวลา
·         ไปถึงที่ทำงานแต่เช้า การไปถึงที่ทำงานก่อนเวลาทำงานปกติ จะได้เวลาซึ่งปราศจากการขัดจังหวะ จากสิ่งใดๆ สามารถใช้เวลานั้นเพื่อใช้เวลาคิดในการวางแผน หรือทำงานที่ต้องใช้สมาธิได้
·          จัดชั่วโมงศักดิ์สิทธิ์ หาชั่วโมงศักดิ์สิทธิ์ที่ปราศจากการบกวน โดยงดรับโทรศัพท์ ปิดห้องทำงาน เพื่อได้ทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
·          เขียนสิ่งที่ต้องทำในบันทึก พร้อมจัดสรรเวลาและจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมไปได้ด้วย พร้อมกับระบุวันเวลา ในลงบันทึก เพื่อจัดการงานแต่ละชิ้นออกไป
·          จัดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ จัดโต๊ะให้เป็นระเบียบทุกเย็น ถ้าโต๊ะสะอาดจะช่วยให้การทำงานในตอนเช้าง่ายขึ้น
·          ลดจำนวนครั้งและเวลาในการประชุม ต้องคำนึงถึงเสมอถึงผลที่ได้จากการประชุมอย่างถี่ถ้วน คุ้มค่ากับเวลา โดยมีการกำหนดวาระประชุม รักษาเวลาการประชุม และวาระการประชุมอย่างเคร่งครัด
·          แบ่งงานออกเป็นส่วนๆ โดยแปรรูปงานหรือโครงการที่สำคัญให้เป็นกิจกรรมย่อยๆ ที่สามารถจัดการได้สะดวก และใช้เวลาไม่นานนักในแต่ละกิจกรรม จะทำงานให้สำเร็จไปได้ในแต่ละช่วง เพราะเป็นการยากมากที่จะหาเวลาติดต่อกันในช่วงยาวๆ
·          เริ่มลงมือทำทันที อย่ามัวรีรอในการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างงว่าจะเริ่มต้นตรงไหนก่อนการรีบตัดสินใจทำทันที แล้วค่อยเพิ่มเติมทีหลัง จะให้งานเสร็จเร็วขึ้น
·          พิจารณาใช้เทคโนโลยีช่วย การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นเป็นหลายเท่า เช่นโทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ บัตรเครดิต
·          เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นไว้ใกล้มือ เช่นโทรศัพท์ คลิบหนีบกระดาษ สมุดโน้ต กรรไกร ปากกา ยางลบ เทปใส ตะกร้าขยะ ซองจดหมาย ฯลฯ
·          ใช้หูแทนตาเพื่อประหยัดเวลา เช่นฟังวิทยุแทนดูโทรทัศน์
·          ใช้เวลารอคอยให้เกิดประโยชน์ ถ้าต้องรอคอยอะไรซักอย่างหนึ่ง ต้องหากิจกรรมสำรองที่ง่ายๆ ไปด้วย จะได้ไม่มีความกระวนกระวายใจ ในการรอคอย และยังได้งานเพิ่มขึ้นอีก
·          ประหยัดเวลาในการจับจ่าย โดยการซื้อของเป็นจำนวนมาก ไม่ตองไปซื้อบ่อย ซื้อของเวลาที่คนไม่มาก วานคนอื่นให้คนทำงานแทน ตัดสินใจโดยไม่ลังเลและผนวกการจ่ายตลาดกับธุระประจำเข้าด้วยกันเพื่อประหยัด เวลา
·          การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ช่วยให้ประหยัดเวลาได้ ทั้งในด้านการช่วยเหลือเกื้อกูล และ การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาด้วยมิตรภาพที่ดี การสื่อสารที่ชัดเจน นุ่มนวล และช่วยให้ได้รับความร่วมมือช่วยเหลือด้วยดี และประหยัดเวลาทำงาน
·          ใช้เวลาปลีกย่อยให้เป็นประโยชน์ ใช้เวลา 10 นาที หรือ 15 นาที ให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องคอยอะไรสักอย่างใช้ให้คุ้มค่า อย่างทิ้งไป
·          ใช้เวลาของแต่ละวันให้เต็มที่ สมเหตุสมผล มีประโยชน์ เช่น ฟังข่าววิทยุ หรือฝึกฟังภาษาอังกฤษขณะขับรถไปทำงาน วางแผนการใช้เวลาแต่ละช่วงให้เหมาะสม หรือทำงานเพิ่มนอกเหนือจากที่จัดระเบียบไว้ในแต่ละวันแล้วจะได้งานอื่นๆ เพิ่มอีกด้วย
·          ทำงานด้วยความสบายใจ ความสุขและความสนุกสนานเป็นการเสริมสร้างพลังจิตใจให้ทำงานอย่างมี ประสิทธิภาพ จิตใจที่สบายเป็นทุนของประสิทธิภาพการทำงาน ควรเพาะเลี้ยงให้มีความสนุกสนานกับการทำงานและเอาใจใส่
·          ในการทำงาน ควรกำหนดเวลาในการพักผ่อนไปด้วย หรือเปลี่ยนงานซึ่งมีลักษณะไม่เหมือนกัน จะช่วยให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
·          ทำงานสองสิ่งในเวลาเดียวกัน ถึงแม้โบราณจะสอนว่า ทำงานสิ่งใด ก็ให้ตั้งใจทำงานในสิ่งนั้น มิเช่นนั้นจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพต่ำลง แต่การตั้งใจทำงานนับเป็นสิ่งที่ดี แต่เราสามารถตั้งใจทำงานควบคู่กันได้
การเพิ่มพูนความรู้และข้อมูลข่าวสารต่างๆ อ่านหนังสือให้ได้ผลโดยเพิ่มเวลาอ่านหนังสือให้มากขึ้น อ่านทุกวันและสม่ำเสมอ เลือกหนังสือที่จะอ่านด้วยความระมัดระวัง มีประโยชน์ และมีคุณค่า ตลอดจน เพิ่มความเร็วของการอ่าน